ทำไมเด็กถึงเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ฉีดวัคซีน “โควิด-19”

March 14, 2021 by No Comments

หลังจากที่ประเทศไทยได้รับวัคซีน “ซีโนเเวค” ล็อตเเรก จากกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2 แสนโด๊ส โดยรัฐบาลได้มอบให้กับกระทรวงสาธารสุขเเละผู้เกี่ยวข้อง จากนั้นได้นำใส่ในตู้เย็นเพื่อขนส่งเข้าสู่คลังสินค้าเเละกระจายให้กับ13 จังหวัดที่มีความเสี่ยงมากที่สุด โดยไล่จากจังหวัดที่มีความเสี่ยงที่สุดลงมาเรื่อยๆ เเต่สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะได้รับการฉีดวัคซีนเป็นลำดับสุดท้าย เพราะอะไร? มาดูเหตุผลจากการสำรวจของแพทย์สภากาชาดไทยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกัน

        -เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เมื่อพบว่าป่วยหรือมีอาการติดเชื้อ จะไม่ค่อยเเสดงอาการหรือเเสดงอาการน้อยกว่าผู้ใหญ่ เเละไม่รุนเเรง จึงลดอาการเเพร่เชื้อเมื่อได้รับวัคซีน

        -วัคซีนโควิด-19 เพิ่งพัฒนาขึ้นมายังไม่ได้จดทะเบียนให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีเเละยังไม่มีการศึกษาใด ๆในการให้วัคซีนเเก่กลุ่มเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี จนกว่าจะมีการศึกษาถึงผลการใช้ให้เเก่เด็กกลุ่มนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงเเละอันตรายต่อเด็ก เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้จะมีความอดทนไม่มากพอเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะ

        -ในกรณีถ้าเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปีพบเชื้อโควิด-19 ส่วนมากหรือเกือบทั้งหมดจะไม่เเสดงอาการที่รุนเเรงเเละมีความอันตราที่ต่ำมาก

        -เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี มีโอกาสที่จะติดเชื้อโควิด-19 น้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ที่มาอายุมากกว่า 18-59 ปี โดยจะพบ 1ใน 100 หรือ 1ใน 1,000 คนเท่านั้น

        -จากการศึกษาพบว่าเด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า18 ปี จะพบเชื้อน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า ด้วยเหตุผลดังกล่าวทางเเพทย์จึงสรุปให้เด็กและเยาวชนที่มีอายุน้อยกว่า18ปี ได้รับวัคซีนเป็นลำดับสุดท้าย

       ในวันข้างหน้าหรืออนาคตมีความเป็นไปได้สูงที่จะขยับอายุในการฉีดวัคเมื่อมีข้อมูลมากพอ โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงเมื่อเกิดได้รับเชื้อโควิด-19 ก็คือกลุ่มคนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากคนอายุเหล่านี้มีร่างกายที่ไม่ค่อยเเข็งเเรงเเละภูมิคุ้มกันน้อย จึงเกิดความอันตรายสูง เมื่อได้รับเชื้อโควิด-19 เข้าสู่ร่างกาย เเพทย์จึงสามรถให้วัคซีนได้ อย่างเช่น ผู้ว่าราชกาลจังหวัดสมุทรสงครามที่ได้รับเชื้อโควิด-19 เเละมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากตนเองมีอายุมาก เเละเพทย์ต้องประเมินผลใกล้เคียงที่จะตามมาด้วย เนื่องจากวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 พึ่งได้รับการพัฒนาจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะมีใครเเพ้ยาหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนในระหว่างให้วัคซีน “ซีโนเเวค” ได้ ดังนั้นในการจะให้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ที่ได้รับเชื้ออย่างละเอียดเเละถี่ถ้วนเพื่อป้องกันการเกิดความสูญเสียเพิ่มขึ้นในสังคม